HIFU คืออะไร

HIFU หรือ High Intensity Focus Ultrasound เป็นการใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์ความเข้มข้นสูง โดยส่งเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อในชั้นผิวหนังระดับลึกถึงชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ทำให้ผิวหนังในชั้น SMAS หดตัว คล้ายกับการเย็บที่เนื้อ เพื่อทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนหรือสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ซึ่งเป็นการดึงหน้าที่ส่งผลให้ผิวดูยกกระชับและอ่อนเยาว์มากขึ้น

จำนวนครั้งของการทำ HIFU ในแต่ละคนจะไม่เท่ากัน โดยขึ้นอยู่กับปัญหาของรูปหน้า ผู้เข้ารับบริการควรทำอย่างต่อเนื่องจึงจะช่วยแก้ปัญหาได้ และเห็นผลชัดเจน ใช้เวลาการทำครั้งละประมาณ 30–50 นาที และจะเว้นระยะห่างจากการทำครั้งแรก 2 เดือน

HIFU เหมาะกับใครบ้าง

HIFU เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 25–35 ปี หรือมากกว่านี้ ซึ่งมีปัญหาหนังตาตก ผิวหน้าหย่อนคล้อยหรือมีริ้วรอยมาก อีกทั้งยังเหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวสวยโดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด ยกกระชับใบหน้าหรือยกแนวคิ้วให้ขึ้น และผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอย ลดเหนียงใต้คางหรือลดคางสองชั้น

โดยเนื้อเยื่อจะเกิดขึ้นใหม่ เห็นผลชัดเจน และผิวเรียบเนียนขึ้นตั้งแต่ 2 เดือนขึ้นไป เมื่อทำแล้วจะคงสภาพอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน – 1 ปี ขึ้นไป ซึ่งขึ้นอยู่กับการดูแลผิวหลังการใช้บริการ และสภาพผิวของแต่ละคน

ข้อดีของการทำ HIFU

HIFU เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยน้อยไปจนถึงริ้วรอยมาก และสามารถทำได้บ่อยครั้ง และหลังการทำ HIFU ยังสามารถทำการรักษาอย่างอื่นอีกได้ 

ผู้ที่ทำ HIFU จะรู้สึกอุ่นๆ บนผิวขณะทำ ผิวจะไม่แสบร้อน แต่อาจจะจำเป็นต้องใช้ยาชา เพราะเป็นคลื่นที่มีความถี่สูงถึง 1,000 ครั้งต่อวินาที ทำให้ผู้เข้ารับการบริการรู้สึกเจ็บเล็กน้อยหลังจากการทำ แต่ก็สามารถดำเนินกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ เนื่องจากไม่มีบาดแผลและไม่ต้องพักฟื้นนั่นเอง

ข้อเสียของการทำ HIFU

หลังการทำ HIFU อาจมีรอยแดง ซึ่งพบแค่เพียงบางราย แต่จะหายไปได้เองภายใน 1–2 ชั่วโมง

วิธีการดูแลตัวเองก่อนการทำ HIFU

ควรดูแลสุขภาพให้พร้อมสมบูรณ์ด้วยการนอนพักผ่อนให้เพียงพอ งดสูบบุหรี่ หรือดื่มแอลกอฮอล์ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เนื่องจากจะช่วยเอื้อต่อการสร้างคอลลาเจนให้กับเซลล์ใหม่เป็นไปได้ด้วยดี

วิธีการดูแลตัวเองหลังการทำ HIFU

  • ควรใช้ครีมบำรุงผิวเพื่อบำรุงผิวที่เกิดขึ้นใหม่ให้คงอยู่ได้อย่างยาวนาน 
  • ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงๆ และหลีกเลี่ยงแสงแดด 
  • หากมีอาการเมื่อย หรือตึงผิว สามารถรับประทานยาแก้ปวดได้ 
  • ไม่ควรนวดหรือถูใบหน้าแรงๆ 
  • ไม่สูบบุหรี่ หรือดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเป็นการทำลายการสร้างคอลลาเจนที่ชั้นใต้ผิวหนัง

ข้อควรระวังในการทำ HIFU

ถึงแม้ว่าการทำ HIFU จะเป็นวิธีที่ให้การยอมรับว่ามีความปลอดภัยสูงแล้วก็ตาม แต่ก็ยังควรต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง เพื่อให้ได้ความรู้ความเข้าใจอย่างถูกต้อง ตลอดจนต้องเลือกสถานที่ให้บริการที่ได้มาตรฐาน จึงจะได้ผลลัพธ์อย่างน่าพึงพอใจสูงสุด

อาจจะมีอาการปวดตึง เจ็บใบหน้าเล็กๆ น้อยๆ หลังทำได้เป็นเรื่องปกติ แต่หากมีอาการมุมปากตก ยกคิ้วลำบาก ให้ปรึกษาแพทย์ผู้ทำโดยทันที